คุณค่าอาหารทางโภชนาการ
|
แกงไตปลาเป็นอาหารประจำถิ่นของภาคใต้ แต่ปัจจุบันไม่ว่าจะเดินทางไปภาคไหนเราได้ชิมรสแกงไตปลากันทั่ว
หน้า เพียงแต่ว่าจะเป็นตำรับดั้งเดิมของชาวปักษ์ใต้หรือไม่ก็คงต้องดูกันอีกที เมื่อนึกถึงแกงไตปลาเราก็จะนึกถึงความเผ็ด
ความร้อน เพราะว่าเครื่องแกงจะมีความเผ็ดจากพริกขี้หนู และพริกไทย ทั้งสองอย่างเมื่อผสมรวมกันในเครื่องแกงก็จะทำให้แกงไตปลามีทั้งความเผ็ดและความร้อน
นอกจากนี้คำว่า”ไตปลา”ก็คือพุงปลาที่นำไปหมัก
การหมักก็ต้องอาศัยเกลือ ก็แน่นอนว่าไตปลาต้องมีความเค็ม เพราะฉะนั้นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแกงไตปลาก็คือ
เผ็ด ร้อน และเค็ม เวลาที่นำมาปรุงก็จะปรุงได้สองแบบคือแบบใส่กะทิ กับไม่ใส่กะทิ
ส่วนใหญ่แกงไตปลาที่นิยมกันทั่วไปคือ แกงไตปลาที่ไม่ใส่กะทิ ซึ่งก็เป็นข้อดี
เพราะการใส่กะทิจะทำให้ไขมันเพิ่มมากขึ้น แกงไตปลานั้น
มีทั้งความเค็มและความเผ็ด แล้วถ้าเพิ่มความมันอีก
ก็ทำให้เวลารับประทานทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพได้ สำหรับส่วนประกอบอื่นๆ โดยทั่วไปก็จะมีถั่วฝักยาว
ฟักทอง มะเขือ แต่ถ้าเป็นอาหารประจำถิ่นจะมีการใส่ผักพื้นบ้านเช่น ใบส้มแป้นลงไป
หรือถ้ามีกล้วยเล็บมือนางก็เอากล้วยเล็บมือนางที่ยังดิบอยู่หรือว่าห่ามๆ มาหั่นใส่ลงไป
ก็เป็นผักชนิดหนึ่งที่สามารถนำมารับประทานได้ หากเราจะนำไปทำในภาคอื่นก็สามารถที่จะดัดแปลงใช้ผักท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ได้
เพื่อความหลากหลาย นอกจากนำส่วนประกอบอีกชนิดหนึ่งก็คือ ปลา ก็คือปลาทู
หรือเนื้อปลาชนิดอื่น
เวลาเราไปซื้อมารับประทานเราจะไม่ค่อยเห็นเนื้อปลาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าทำรับประทานเองก็อย่าลืมว่าเราต้องใส่เนื้อปลาด้วย
เพราะปลาเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีน เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย
และสามารถรับประทานได้เป็นประจำ รับประทานได้บ่อยๆ ส่วนข้อด้อยของแกงไตปลาคือความเค็ม
เพราะว่ารสจะจัดมาก ดังนั้นเวลารับประทานต้องพยายามอย่ารับประทานน้ำแกงไตปลามากนัก
และควรพยายามเสริมด้วยเครื่องเคียงที่เป็นผักเช่น แตงกวา สะตอ ถั่วฟักยาว มะเขือ
ลูกเนียงซึ่งคนภาคใต้นำมารับประธานพร้อมกับแกงไตปลาหรืออาจจะรับประทานปลาทอดหรืออะไรก็ได้ตามเข้าไป
ทำไมจึงต้องระมัดระวังความเค็มเพราะ ความเค็มจะทำให้ไตของเรา ทำงานหนัก
เนื่องจากต้องขับความเค็มออกจากร่างกาย
แล้วอาจจะทำให้สมดุลของความเป็นกรดด่างของร่างกายลดน้อยลงหรือว่าเสียสมดุลไป นอกจากนี้ความเค็มยังทำให้เกิดปัญหาเรื่องของความดันโลหิตสูง
เพราะฉะนั้นคนที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นความดันโลหิตสูงหรือว่าเป็นอยู่แล้ว
ควรรับประทานแกงไตปลาที่ลดรสชาติให้อ่อนลงมาแล้วควรเน้นรับประทานผักให้มากขึ้น เพื่อการมีสุขภาพที่ดีของตัวท่านเอง
ทั้งนี้ไม่ได้ห้ามไม่ให้รับประทาน แต่ว่าถ้าชอบรับประทานเราก็ต้องรู้ตัวเราเองว่าเรามีความเสี่ยงต่อภาวะอะไรอยู่
ก็สามารถรับประทานได้แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไปโดยเน้นผักเป็นหลัก
แล้วก็ได้รสชาติของไตปลาบ้าง ก็จะมีความสุขมากกว่าที่ไม่รับประทานเลยหรือรับประทานมากเกินไปจนทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นจนเป็นอันตรายต่อตัวท่านเอง
เพราะฉะนั้นการรับประทานอาหารให้ถูกต้อง เราต้องรู้จักอาหาร
แล้วก็รับประทานพอประมาณเหมาะสมกับร่างก่ายของเรา ก็จะเป็นประโยชน์
|
ส่วนผสม:เครื่องแกง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
วิธีทำเครื่องแกง
|
||||||||||||
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น